เบตง ปัตตานี หาดใหญ่ 4 วัน เริ่มหาดใหญ่

 DOWNLOAD PROGRAM

SKU : เบตง ปัตตานี หาดใหญ่ 4 วัน เริ่มหาดใหญ่

Price

9,500.00 ฿

Quantity to buy
Total 9,500.00 ฿

Do not have enough stock

Out of stock

เบตง ปัตตานี หาดใหญ่ 4 วัน 3 คืน

รับ – ส่งสนามบินหาดใหญ่ โดยรถตู้


กำหนดการเดินทาง               ขั้นต่ำ 6 ท่านเดินทาง

วันแรก          หาดใหญ่–มัสยิดกลางเมืองสงขลา-ย่านเมืองเก่า Songkhla Old Town– โรงสีแดง– เขาตังกวน–อนุสาวรีย์กรมหลวงชุมพร–แหลมสมิหลา               (เย็น)

เช้า                 เดินทางถึง สนามบินหาดใหญ่ ให้ท่านรับสัมภาระให้เรียบร้อย ไกด์นำเที่ยวรอท่าน ณ บริเวณจุดนัดพบ จากนั้นนำท่านออกเดินทางไปยังเมืองสงขลา โดยรถบัสปรับอากาศ แวะชมและถ่ายภาพ มัสยิดกลางสงขลา (บริเวณด้านนอก) หรือมีชื่อเต็มว่า “มัสยิดกลางดิย์นุลอิสลาม” ศาสนสถานที่มีลักษณะสถาปัตยกรรมที่สวยสง่าโดดเด่น บริเวณด้านหน้ามีสระน้ำทอดยาวกว่า 200 เมตร แลดูคล้ายกับศาสนสถานทัชมาฮาลที่อินเดีย จากนั้นออกเดินทางต่อไปยังย่านเมืองเก่าจังหวัดสงขลานำท่านเดินชม ย่านเมืองเก่าสงขลา ซึ่งมีถนนสายสำคัญ 3 สายหลักๆ คือ ถนนนครนอก ถนนนครใน และ ถนนนางงาม ถนนที่ประกอบไปด้วยอาคารและสถาปัตยกรรมที่ยังคงเอกลักษณ์ดั้งเดิมไว้ มีห้องแถวไม้แบบจีน ตึกคลาสสิคสไตล์ ชิโนโปรตุกีส   และยังมีอาคารตึกแถวแบบจีนโบราณของชาวจีนฮกเกี้ยนเรียงรายทั้งสองฟากฝั่งถนน แม้อาคารหลายหลังมีการปรับปรุงทาสีใหม่ แต่ยังคงไว้ซึ่งโครงสร้างเดิม ตึกและอาคารย่านเมืองเก่าสงขลาถือว่าเป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องราววิถีชีวิตและความเป็นมาของชาวสงขลา นอกจากนี้ตามอาคารบ้านเรือนบางหลังยังมีภาพสตรีทอาร์ท และ โรงสี หับ โห้ หิ้น อายุนับ 100 ปี ที่อยู่คู่มากับย่านเมืองเก่า ให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปกันอีกด้วย สมควรแก่เวลาเดินทางต่อไปยัง เขาตังกวน        ( รวมค่าเคเบิลคาร์ ) ขึ้นไปยังจุดชมวิวบนยอดเขา บริเวณยอดเขาตังกวนนี้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองสงขลาได้โดยรอบแบบ 360 องศา อาณาบริเวณประกอบด้วย ลานชมวิว ประภาคาร ศาลาวิหารแดง และเจดีย์พระธาตุเมืองสงขลา ตามจารึกกล่าวว่าสร้างขึ้นในสมัยอาณาจักรนครศรีธรรมราช เป็นศิลปะสมัยทวาราวดี บริเวณลานชมวิวมีรูปหล่อหลวงปู่ทวดตั้งอยู่กลางลานไว้ให้สักการะ นั่งพักผ่อนชมวิวตัวเมืองสงขลา และทะเลสาบสงขลารวมทั้งหาดสมิหลา สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางลงจากยอดเขาตังกวน ไปยัง อนุสาวรีย์กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ พระบิดาแห่งราชนาวีไทย พระบรมรูปของท่านหันหน้าออกทะเลดูเด่นสง่า เป็นที่เคารพนับถือของคนโดยทั่วไปในภาคใต้ ก่อตั้งโดยกลุ่มไทยอาสาป้องกันชาติในทะเล จังหวัดสงขลา สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2530 เพื่อให้ชาวเรือ ได้สักการะบูชาก่อนออกไปประกอบอาชีพในทะเล เพราะมีความเชื่อว่าท่านจะช่วยเหลือให้แคล้วคลาดจากภัยอันตรายจากพายุและเพศภัยต่างๆ ผู้คนนิยมมาสักการะขอพรอย่างไม่ขาดสายทั้งคนในพื้นที่และนักท่องเที่ยว บริเวณรอบๆ อนุสาวรีย์มีปืนใหญ่ จรวด ปืนกลจำลองที่ปลดระวางมาจัดแสดงไว้กลางแจ้ง อีกทั้งยังมีพญานาคพ่นน้ำที่ทำให้ภูมิทัศน์โดยรอบนั้นสวยงาม เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจเป็นอบย่างยิ่ง

สมควรแก่เวลา เดินทางต่อไปยังบริเวณชายหาด แหลมสมิหลา ชายหาดที่ทอดยาวต่อเนื่องมาจากหาดสมิหลา มีแนวต้นสนให้ความร่มรื่นยาวตลอดหาด มองออกไปจะเห็นเกาะหนู เกาะแมว หนึ่งสัญลักษณ์ที่เป็นตำนานกล่าวขานถึงที่มาที่ไป พักผ่อนกับกิจกรรมถ่ายรูปกับนางเงือก วาดภาพสีน้ำ หรือระบายสีปูนพลาสเตอร์ สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางทางกลับสู่ตัวอำเภอหาดใหญ่

ค่ำ                 รับประทานอาหารเย็น   (มื้อที่ 1 ) 

 นำท่านเข้าสู่ที่พัก วีแอลโฮเท็ล หรือเทียบเท่า หาดใหญ่    https://www.vlhatyaihotel.com/


วันที่สอง       หาดใหญ่–ปัตตานี–ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว–บ้านขุนพิทักษ์รายา-ยะลา–จุดชมวิวสะพานข้ามเขื่อนบางลาง–สตรีทอาร์ต–วงเวียนหอนาฬิกาเบตง–ตู้ไปรษณีย์โบราณ–อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ (เช้า / กลางวัน / เย็น)


เช้า                บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของที่พัก (มื้อที่ 2 ) 

จากนั้น          นำท่านออกเดินจาก อำเภอหาดใหญ่ ไปยังจังหวัดปัตตานี โดยรถตู้ปรับอากาศ                            (ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง โดยประมาณ)จากนั้นนำท่านชม ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว             เชื่อกันว่าผู้มาขอพรให้โชคลาภจะได้ผลหรือแม้แต่การค้าขายที่ซบเซาหรือขาดทุนก็กลับรุ่งเรืองขึ้นจนทำให้เกิดความนับถือศรัทธา อย่างมาก ชาวปัตตานีจึงได้นำต้นไม้ที่ลิ้มกอเหนี่ยวผูกคอตายมาแกะสลักเป็นรูปบูชาและรสร้างศาลเจ้าขึ้นสักการะ สำหรับองค์เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ท่านเป็นเทพเจ้าแห่งความเมตตาโชคลาภ ค้าขาย ซึ่งเป็นที่นิยมมากราบไหว้ของพรเพื่อเป็นศิริมงคลกับชีวิต

จากนั้น          นำท่านชม บ้านขุนพิทักษ์รายา สร้างขึ้นมาประมาณปี พ.ศ. 2460 อายุกว่า 100 ปี

บ้านขุนพิทักษ์รายาเป็นเรือนแถว 2 ชั้น 2 คูหา 2 ช่วงเสา รูปแบบของตึกแถว

มีการประยุกต์ระหว่างสถาปัตยกรรมในท้องถิ่นและสถาปัตยกรรมจีน ซึ่งมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์การตั้งถิ่นฐานของชาวไทยเชื้อสายจีน ในพื้นที่จังหวัดปัตตานีและเป็นภาพสะท้อนความเจริญรุ่งเรืองของย่านนี้ อีกทั้งยังมีการบันทึกกล่าวถึงตำแหน่งของบ้านขุนพิทักษ์รายาในสมัยรัชกาลที่ 5 เสด็จประพาส

กลางวัน         รับประทานอาหารเที่ยง  (มื้อที่ 3 ) 

บ่าย                สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางต่อไปยัง อำเภอเบตง ระหว่างทางนำท่านจอดแวะถ่ายรูปบริเวณ สะพานข้ามเขื่อนบางลาง บริเวณบ้านคอกช้าง อ.ธารโต สะพานแห่งนี้สร้างขึ้นมาเพื่อล่นระยะทางในการเดินทาง จากเดิมที่จะต้องไปตามไหล่เขา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทางหลวงหมายเลข 410 ยะลา–เบตง  เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมแวะพักถ่ายรูปและยืดเส้นยืดสายก่อนจะเดินทางต่อ อำเภอเบตง ตั้งอยู่ใต้สุดฝั่งตะวันตกของประเทศไทย มีเขตแดนติดกับประเทศมาเลเซีย โอบล้อมด้วยแนวเทือกเขาสันการาคีรี ภูมิประเทศของอำเภอเบตง ด้วยภูมิประเทศแบบนี้จึงทำให้เบตงมีอากาศที่ดี อากาศเย็น และมีหมอกปกคลุมตลอดทั้งปี ดังคำขวัญประจำอำเภอที่ว่า “เมืองในหมอก ดอกไม้งาม ใต้สุดสยาม เมืองงามชายแดน” คำว่า เบตง มาจากภาษามลายู "Buluh Betong" หมายถึง "ไม้ไผ่ขนาดใหญ่"

หรือที่คนในพื้นที่จะรียกไผ่ชนิดนี้ว่า ไผ่ตง ดังนั้นต้นไผ่ตงจึงกลายเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของอำเภอเบตง จากนั้นนำท่านแวะจุดเช็คอินสุดฮิต ให้ท่านอิสระถ่ายรูป ป้ายโอเคเบตง จากนั้นนำคณะเดินชมจุดเด่นที่ได้รับความนิยมของตัวเมืองเบตงได้แก่ สตรีทอาร์ท หรือ ถนนศิลปะ งานศิลปะที่สะท้อน  เรื่องราวและวิถีชีวิตของความเป็นเบตงได้อย่างดี จุดเริ่มต้นของการสร้างสรรค์ผลงานที่งดงามดังกล่าว เกิดจากทาง อ.เบตง จ.ยะลา ได้มีการจัดงาน 111 ปี เล่าขานตำนานเมืองเบตง ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อสร้างหมุดหมายที่แสดงออกถึงวิถีชีวิตของชาวเบตงและ สร้างจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ

จากนั้นนำท่านถ่ายรูปกับ วงเวียนหอนาฬิกาเบตง และ ตู้ไปรษณีย์โบราณ ในส่วนของตัวหอนาฬิกาสร้างขึ้นด้วยหินอ่อนขาวที่มีอยู่มากในจังหวัดยะลา หอนาฬิกาเป็นสัญลักษณ์ของเมืองหรือจะเรียกว่าเป็นสะดือของเมืองเบตงก็ว่าได้ ในเทศกาลต่าง ๆ ที่จัดขึ้น มักจะใช้บริเวณหอนาฬิกานี้เป็นจุดนัดหมายในการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ และใกล้ๆ กันนั้นที่อยู่คู่เมืองเบตงมาช้านาน คือ ตู้ไปรษณีย์โบราณ สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2482 สูง 2.9 เมตร โดยผู้ที่ดำริแนวคิดคือ นายสงวน จิรจินดา อดีตนายไปรษณีย์โทรเลขเบตง ที่ได้รับเลือกเป็นนายกเทศมนตรีเทศบาลเบตง คนแรก ในปัจจุบันนี้ตู้ไปรษณีย์แห่งนี้ยังเปิดใช้งานได้ และนักท่องเที่ยวมักจะซื้อโปสการ์ด เขียนและส่งจดหมายถึงญาติคนรัก หรือส่งถึงตัวเอง เก็บไว้เป็นความทรงจำ

จากนั้น          นำท่านชม อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ อุโมงค์ขนาดใหญ่ที่เจาะผ่านภูเขาเพื่อเชื่อมต่อส่วนขยายของเมืองไปอีกฟากของตัวเมือง อุโมงค์แห่งนี้ยังเป็นอุโมงค์ที่ผู้คนสามารถใช้สัญจรไปมาด้วยรถยนต์แห่งแรกของประเทศไทย ภายในอุโมงค์ตกแต่งประดับประดาด้วยไฟหลากสี เปิดใช้อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2544

ค่ำ                 รับประทานอาหาร  (มื้อที่ 4 )    

            นำท่านเข้าสู่ที่พัก โรงแรมเบตงเมอร์ลิน เบตงhttp://www.mandarinbetong.co.th/th/index.php


วันที่สาม       วัดพุทธาธิวาส-วัดกวนอิม-ป้ายใต้สุดสยาม-สนามบินเบตง-ร้านของฝากเมืองเบตง-ร้านวุ้นดำ ต้นตำรับ (เฉาก๊วย ก.ม. 4)–สวนหมื่นบุปผา-อุโมงค์ปิยะมิตร-บ่อน้ำพุร้อน-ศาลาประชาคมเบตง (เช้า / กลางวัน / เย็น)

เช้า                รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหาร (มื้อที่ 5 )    

จากนั้น          จากนั้นเดินทางไปยัง วัดพุทธาธิวาส วัดคู่เมืองเบตง เดิมชื่อวัดเบตง ก่อตั้งเมื่อ

เมื่อวันที่ 1 กันยายน พ.ศ.2460  สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย พื้นที่ตั้งวัดเป็นเนินเขาสูงเอียงลาดลงไปทางทิศเหนือ จัดแบ่งพื้นที่วัดออกเป็นชั้นทั้งหมด 5 ชั้น ตั้งเด่นสง่าอยู่บนเนินเขามีพระธาตุเจดีย์พระพุทธธรรมประกาศตั้งโดดเด่นมองเห็น ศิลปกรรมแบบศรีวิชัยประยุกต์ โดยในองค์มหาธาตุเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุกราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อความเป็นสิริมงคล

จากนั้น          จากนั้นนำท่านสู่ วัดโพธิสัตโตเจ้าแม่กวนอิมเบตง หรือวัดกวนอิมตั้งอยู่บริเวณเนินเขาของสวนสุดสยาม วัดแห่งนี้เป็นที่ตั้งของศาลเจ้าซึ่งเป็นที่ประดิษฐานขององค์เทพสำคัญๆหลายองค์ อาทิ เจ้าแม่กวนอิม ท่านแป๊ะกง ท่านกวงกง เจ้าแม่จิวหวังเหย่ ยี่หวังต้าตี้ หวาโถ่วเซียนซื่อ ขงจื้อ เป็นต้น มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและมาเลเซียเลื่อมใสศรัทธาเดินทางมาสักการะขอพรเป็นจำนวนมาก ส่วนมากจะขอพพรด้านการมีบุตรและโชคลาภ จากนั้นนำท่านออกเดินทางไปยังบริเวณพรมแดน ไทย – มาเล ฯ จุดผ่านแดนถาวรที่เชื่อมระหว่างสองประเทศ ถ่ายรูปกับ ป้ายใต้สุดสยาม ถือเป็นจุดเช็คอินไฮไลท์อีกหนึ่งจุดว่าท่านได้มาเยือนถึงแนวเขตแดนใต้สุดของประเทศไทย

จากนั้น          นำท่านแวะชมและถ่ายรูปด้านนอกอาคาร สนามบินเบตง ชมสถาปัตยกรรมที่ตกแต่งด้วยไม้ไผ่ สะท้อนเอกลักษณ์ท้องถิ่น ซึ่งคำว่า "เบตง" หรือ “บือตง” เป็นภาษาถิ่นมลายู แปลว่า "ไม้ไผ่" กลายเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของอำเภอเบตง

จากนั้น          นำท่านเดินทางไปยัง ร้านของฝากของที่ระลึกเบตง ให้ท่านได้เลือกซื้อของฝากจากท้องถิ่น เช่น ผลิตภัณฑ์กลุ่มแม่บ้าน สินค้า OTOP ,รังนก, ยาจีน, หมี่เหลืองเบตง, ซีอิ้วเบตง, ส้มโชกุน, เสื้อยืดสกรีน OK BETONG เป็นต้น

 จากนั้นนำท่านสู่ ร้านวุ้นดำ กม.4 ต้นตำหรับอร่อยระดับตำนาน   ใช้วิธีทำแบบดั้งเดิม ต้มเคี่ยวหญ้าเฉาก๊วยด้วยเตาฟืน ซึ่งจะทำให้มีกลิ่นหอมและมากไปด้วยสรรพคุณทางยา ให้ท่านได้อิสระซื้อเป็นของฝาก

เที่ยง              รับประทานอาหารเที่ยง  (มื้อที่ 6 )    

บ่าย                นำท่านชม สวนหมื่นบุปผา หรือ สวนดอกไม้เมืองหนาว ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านปิยะมิตร 2 สวนดอกไม้นี้อยู่ท่ามกลางภูเขา สูงจากระดับทะเลปานกลางราว 800 เมตร มีอากาศเย็นสบายตลอดปี เหมาะสมกับการปลูกไม้ดอกเมืองหนาวนานาชนิด สวนนี้เกิดขึ้นจากโครงการตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ได้พระราชทานนามสวนแห่งนี้ว่า ว่านฮัวหยวน หรือ แปลเป็นไทยว่า สวนหมื่นบุปผา โดยมีการพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวและสร้างอาชีพให้กับกลุ่มผู้พัฒนาชาติไทยในอดีต ในชุมชนและหมู่บ้านบริเวณนี้ อดีตล้วนแล้วแต่เป็นสมาชิก พคม. ที่ประกาศตัววางอาวุธ ในปี 2532 เป็นผู้พัฒนาชาติไทย และเลือกที่จะพักอาศัยอยู่ในประเทศไทยต่อไป

จากนั้น          นำท่านชม อุโมงค์ปิยะมิตร ตั้งอยู่บ้านปิยะมิตร 1 ตำบลตะเนาะแมเราะ สถานที่ทางประวัติศาสตร์ ที่ในอดีตเป็นฐานเคลื่อนไหวทางการทหารของพรรคคอมมิวนิสต์มลายา (พคม.) ว่ากันว่าฐานที่มั่นแห่งนี้เป็นฐานที่มั่นในแนวหลังของสงครามระหว่าง พคม กับ รัฐบาลมาเลเซีย ที่แข็งแกร่งที่สุด เคยถูกทิ้งระเบิดถึง 2 ครั้ง เป็นอุโมงค์ที่ขุดลึกลงไปในชั้นดิน จุดที่ลึกที่สุดมีความลึกถึง 6 เมตร ใช้กำลังคน 60 – 80 คน อุโมงค์มีความกว้าง 50 – 60 ฟุต ยาวประมาณ 1 กิโลเมตร และมีทางเข้าออกถึง 9 ทาง เชื่อมต่อถึงกันหมด กระจายอยู่รอบ ๆ ภูเขา ภายในอุโมงค์นั้น สามารถจุคนได้มากถึง 400 คน ภายในอุโมงค์มีโรงพยาบาลสนาม ห้องส่งสัญญาณวิทยุระยะไกล ห้องปฏิบัติงานวางแผน ในส่วนของพื้นผิวด้านบนของอุโมงค์มีต้นไม้ใหญ่ปกคลุมหนาทึบ ยากต่อการที่ฝ่ายตรงข้ามจะตรวจหาเจอ  สมควรแก่เวลา นำท่านเดินทางกลับ แวะพักผ่อนที่ บ่อน้ำพุร้อนเบตง บ่อน้ำพุร้อนเป็นบ่อน้ำแร่ร้อนตามธรรมชาติขนาดใหญ่ประกอบด้วยแร่ธาตุต่าง ๆ มากมาย โดยอุณหภูมิของบริเวณจุดตาน้ำนั้นอยู่ที่ 60 – 80 องศาเซลเซียส และนักท่องเที่ยวมักจะทำกิจกรรมครอบครัว คือ นำไข่ไก่ ไข่นกกระทา มาลวก โดยใช้เวลาเพียง 7 นาทีเท่านั้น ไข่ก็สุกพร้อมรับประทาน บริเวณโดยรอบมีการสร้างสระน้ำขนาดใหญ่ สำหรับกักน้ำจากน้ำพุร้อนเพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้ใช้อาบหรือแช่เท้าเพื่อ ผ่อนคลายความเมื่อยล้าได้เป็นอย่างดี แต่ละโซนของพื้นที่ออกแบบได้อย่างมาตรฐานถูกสุขลักษณะและสระธาราบำบัด นำท่านเดินทางกลับเข้าสู่ตัวเมืองเบตง จากนั้นนำท่านแวะชมและถ่ายรูปด้านนอก ศาลาประชาคม ชมหอนาฬิกาโบราณและตู้ไปรษณีย์ยักษ์ที่ได้จำลองแบบมาจากของเดิมที่อยู่ในตัวเมืองเบตง

ค่ำ                 รับประทานอาหาร  (มื้อที่ 7 )    

            นำท่านเข้าสู่ที่พัก โรงแรมเบตงเมอร์ลิน เบตงhttp://www.mandarinbetong.co.th/th/index.php


วันที่สี่            ขึ้นสกายวอล์คชมทะเลหมอกอัยเยอร์เวง–สะพานแขวนแตปูซู-ล่องเรือทะเลสาบฮาลาบาลา-เกาะทวด–วัดช้างให้-หาดใหญ่-ตลาดกิมหยง-สนามบินหาดใหญ่   (เช้า / กลางวัน / เย็น)

04.00 น.        นำท่านออกเดินทางไปชม ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ตั้งอยู่ใน ตำบลอัยเยอร์เวง ห่างจากตัวเมืองเบตง 30 กิโลเมตร มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 2,038 ฟุต จุดชมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ขึ้นชื่อในเรื่องของการชมพระอาทิตย์ขึ้น ควบคู่ไปกับการชมทะเลหมอกอันสวยงาม จุดเด่น คือ ไม่ว่าคุณจะมาฤดูไหน หรือช่วงเวลาไหน ท่านก็มีโอกาสที่จะได้เห็นวิวทิวทัศน์เบื้องหน้าที่เป็นทะเลหมอกตลอดทั้งปี ทะเลหมอกที่ก่อตัวจากผืนป่า ฮาลา–บาลา ทะเลสาบเขื่อนบางลาง รวมถึงสามารถมองไปไกลได้ถึงประเทศมาเลเซียเลยทีเดียว นำท่านขึ้นจุดชมวิว Skywalk ชมวิวทิวทัศน์แบบรอบทิศทางแบบ 360 องศา ( การเที่ยวชมทะเลหมอก อาจมีการสลับสับเปลี่ยนได้ ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศเป็นสำคัญ )

เช้า                 รับประทานอาหารเช้า  (มื้อที่ 8 )    

สมควรแก่เวลานำคณะเดินทางต่อไปยัง สะพานแขวนแตปูซู แวะถ่ายรูปกับสะพานไม้ สะพานแขวนแห่งนี้ใช้งานมาหลายสิบปี วัตถุประสงค์หลักที่สร้างขึ้นนั้น ในอดีตชาวบ้านใช้ขนถ่ายสินค้าทางการเกษตร เช่น ผลไม้ ยางพารา และใช้สัญจรของชาวสวนในพื้นที่ ตัวสะพานมีความกว้าง 1.8 เมตร ยาว 100 เมตร จากนั้นนำท่านสู่ ท่าเรือตาพะเยา นำท่านล่องเรือชมบรรยากาศทะเลสาบฮาลาบาลา และชมวิถีชีวิตของชาวบ้านริมทะเลสาบ นำท่านแวะชม เกาะทวด เกาะทวด ซึ่งตั้งอยู่กลางทะเลสาบฮาลาบาลา หรือ กลางเขื่อนบางลาง จ.ยะลา โดยนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย และสิงคโปร์ ส่วนใหญ่ จะเดินทางเพื่อมากราบไหว้ ขอพรจากทวดบูเกี๊ยะ และได้โชคลาภจากการขอพร หลายต่อหลายครั้งติดต่อกัน จนนักท่องเที่ยวบางราย ได้สนับสนุน บริจาคทรัพย์ เงินทอง ในการบูรณะจัดสร้างศาลทวดบูเกี๊ยะ ให้มีสภาพที่ดีขึ้น จนกลายเป็นกระแสบอกต่อกัน และทำให้มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหล เดินทางเข้ามาเที่ยวชมและขอพรกันแทบทุกวัน

จากนั้น          นำท่านเดินทางสู่ หาดใหญ่ พักผ่อนบนรถ (ระยะทาง 259 ก.ม. ใช้เวลาเดินทาง 4.30 ชั่วโมง โดยประมาณ ) จากนั้นนำท่านชม วัดช้างให้ หรือ วัดราษฎร์บูรณะ ตั้งอยู่ที่ตำบลควนโนรี อำเภอโคกโพธิ์ สังกัดคณะสงฆ์ มหานิกาย เป็นวัดเก่าแก่สร้างมาแล้วกว่า 300 ปี ตามตำนานกล่าวว่า พระยาแก้มดำเจ้าเมืองไทรบุรี ต้องการหาชัยภูมิสำหรับสร้างเมืองใหม่ให้กับน้องสาว จึงได้เสี่ยงอธิฐาน ปล่อยช้างให้ออกเดินทางไปในป่า โดยมีเจ้าเมืองและไพร่พลเดินติดตามไป จนมาถึงวันหนึ่ง ช้างได้หยุดอยู่ ณ ที่แห่งหนึ่ง แล้วร้องขึ้นสามครั้ง พระยาแก้มดำจึงได้ถือเป็นนิมิตที่ดี จะใช้บริเวณนั้นสร้างเมือง แต่น้องสาวไม่ชอบ พระยาแก้มคำจึงให้สร้างวัด ณ บริเวณดังกล่าวแทน แล้วให้ชื่อว่า วัดช้างไห้ แล้วนิมนต์พระภิกษุรูปหนึ่ง ที่ชาวบ้านเรียกว่า สมเด็จพะโคะ หรือ หลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสองค์แรกของวัดและอัฐิของท่านก็ถูกบรรจุไว้ที่วัดแห่งนี้ อิสระให้ท่านไหว้พระขอพร หรือเช่าบูชาวัตถุมงคลหลวงปู่ทวดตามอัธยาศัย

กลางวัน         รับประทานอาหาร (มื้อที่ 9 )    

บ่าย                จากนั้นนำท่านเดินทางต่อไปยังอำเภอหาดใหญ่ จากนั้นนำท่าน อิสระช้อปปิ้งที่                ตลาดกิมหยง ให้ท่านได้เลือกซื้อของฝากอาทิเช่น อาหารแห้ง กาแฟ ขนมขบเคี้ยว ถั่วต่างๆ เครื่องสำอาง และเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าส่วนใหญ่เป็นสินค้าปลอดภาษีจากประเทศเพื่อนบ้านวางขายอยู่ทั่วไป

จากนั้น          นำท่านเดินทางสู่ท่าอากาศยานหาดใหญ่

 

อัตราค่า บริการ ขั้นต่ำ 6  ท่าน

ราคาพักห้องคู่ ท่านละ 9500 บาท พักเดี่ยวจ่ายเพิ่ม ท่านละ 5500 บาท


อัตราค่าบริการรวม

- ค่ารถตู้นำเที่ยวตามรายการที่ระบุ

- ค่าที่พักระดับ 3 ดาว ตามรายการ 3 คืน พักห้องละ 2 – 3 ท่าน  

- ค่าอาหารตามที่ระบุในรายการ

- ค่าเข้าชมสถานที่ต่าง ๆ ตามที่ระบุในรายการ

- ค่าประกันชีวิตกรณีอุบัติเหตุในระหว่างการเดินทาง คุ้มครองในวงเงินไม่เกิน

  ท่านละ 1,000,000 บาท และค่ารักษาพยาบาลกรณี อุบัติเหตุในวงเงินไม่เกิน

  ท่านละ 500,000 บาท (ตามเงื่อนไขกรมธรรม์)

อัตราค่าบรกิารนี้ไม่รวม

- ค่าอาหารบนเครื่องบิน, ค่าเลือกที่นั่งบนเครื่องบิน, ค่าเลือกที่นั่งบนรถน าเที่ยว

- ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% และภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3%     - ค่าตั๋วเครื่องบิน

- ค่าใช้จ่ายส่วนตัวนอกเหนือจากรายการที่ระบุ  

- ค่าใช้จ่ายอันเกิดจากความล่าช้าของสายการบิน,อุบัติภัยทางธรรมชาติ, โรคระบาด, การประท้วง,

  การจลาจล, การนัดหยุดงาน, การถูก ปฏิเสธไม่ให้ออกและเข้าเมืองจากเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องซึ่ง

  อยู่นอกเหนือความควบคุมของบริษัทฯ

Visitors: 73,458